Bitget App
เทรดอย่างชาญฉลาดกว่าที่เคย
ซื้อคริปโตตลาดเทรดFuturesCopyBotsEarn
รายการลิสต์ใหม่
วิธีสำรวจการเติบโตของ Web3

วิธีสำรวจการเติบโตของ Web3

มือใหม่
2023-11-29 | 5m

สรุปใจความสำคัญ

  • Web3 เป็นอินเทอร์เน็ตยุคถัดไป พร้อมเป้าหมายที่จะใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานแบบกระจายศูนย์ เพื่อให้ผู้ใช้มีอำนาจควบคุมอัตลักษณ์และข้อมูลของตนเองได้

  • Web3 สร้างขึ้นบนบล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีหลัก และอาศัยเครือข่ายแบบกระจายศูนย์เพื่อสร้างอินเทอร์เน็ตที่มีความเปิดกว้าง โปร่งใส ปลอดภัย และมีความกระจายศูนย์มากกว่าเดิม

  • Web3 พร้อมด้วยข้อดีอันเป็นเอกลักษณ์มากมายจะช่วยเร่งให้เกิดการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนไปใช้งานอย่างแพร่หลาย

  • แม้ว่าจะยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา แต่ก็ถือได้ว่า Web3 เป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพและโอกาสมากมาย ทั้งนี้ การพัฒนาที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในวงการต่างๆ เช่น Decentralized Finance, Metaverse, GameFi และ AI ก็จะช่วยขับเคลื่อนให้เกิดยุคของ Web3 ขึ้นในไม่ช้า

อินเทอร์เน็ตถือกำเนิดมาเป็นเวลากว่า 40 ปีแล้ว และได้ส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อพัฒนาการของสังคมมนุษย์และได้เปลี่ยนแปลงแง่มุมต่างๆ ในชีวิตของพวกเราไปอย่างสิ้นเชิง ในปัจจุบัน เราสามารถเพลิดเพลินไปกับความสะดวกสบายที่อินเทอร์เน็ตมอบให้ได้โดยไม่ต้องออกจากบ้านเสียด้วยซ้ำ อย่างไรก็ดี ด้วยการถือกำเนิดของเทคโนโลยีบล็อกเชน อินเทอร์เน็ตก็กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ที่เรียกว่า “Web3” แล้ว Web3 คืออะไรกันแน่ และเทคโนโลยีนี้จะนำการเปลี่ยนแปลงและโอกาสอะไรบ้างมาให้กับพวกเรา

Web3 คืออะไร

Web3 ถือเป็นอินเทอร์เน็ตยุคถัดไปที่สร้างขึ้นบนเครือข่ายแบบกระจายศูนย์และเทคโนโลยีบล็อกเชน Web3 จะช่วยให้ผู้ใช้มีความเป็นอิสระมากยิ่งขึ้นในข้อมูลและอัตลักษณ์หรือตัวตนในรูปแบบดิจิทัลของตนเอง ตลอดจนสามารถดำเนินการธุรกรรมและโต้ตอบได้ด้วยความปลอดภัยที่เหนือชั้นกว่าเดิม

แนวคิดของ Web3 ได้รับการนำเสนอขึ้นครั้งแรกโดย Dr. Gavin Wood หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum และ Polkadot ในปี 2014 เขาระบุว่า Web3 คือชุดพลังขับเคลื่อนและโปรโตคอลที่ริเริ่มทำให้อินเทอร์เน็ตมีความกระจายศูนย์ ตรวจสอบได้ และปลอดภัยมากขึ้น วิสัยทัศน์ของ Web3 คือการทำให้เกิดอินเทอร์เน็ตแบบไร้เซิร์ฟเวอร์และกระจายศูนย์ ซึ่งผู้ใช้สามารถควบคุมอัตลักษณ์ ข้อมูล และการดำเนินการของตนเองได้ นอกจากนี้ Web3 ยังจะนำเสนอระบบเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลกรูปแบบใหม่, สร้างโมเดลธุรกิจและตลาดใหม่, ปฏิวัติการผูกขาดแพลตฟอร์ม และขับเคลื่อนนวัตกรรมแบบล่างขึ้นบน (Bottom-Up) ที่แพร่หลายอีกต่างหาก

ด้วยเหตุนี้เอง ผู้คนจึงมักเรียก Web3 ว่าอินเทอร์เน็ตแบบกระจายศูนย์ที่ทำงานบนเทคโนโลยีบล็อกเชน

Web3 ทำงานอย่างไร

Web3 ทำงานในลักษณะที่แตกต่างจากอินเทอร์เน็ตแบบดั้งเดิมอย่างมาก โดยจะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นแกนหลัก และอาศัยเครือข่ายแบบกระจายศูนย์เพื่อสร้างอินเทอร์เน็ตที่มีความเปิดกว้าง โปร่งใส กระจายศูนย์ และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ในโลกของ Web3 ข้อมูลและแอปพลิเคชันจะไม่ได้จัดเก็บบนเซิร์ฟเวอร์แบบรวมศูนย์อีกต่อไป แต่จะกระจายเพื่อการจัดเก็บและประมวลผลผ่านเครือข่ายแบบกระจายศูนย์ ซึ่งหมายความว่าข้อมูลผู้ใช้จะไม่ได้ได้รับการครอบครองหรือเป็นเจ้าของโดยบริษัทหรือสถาบันแห่งเดียว แต่ข้อมูลดังกล่าวจะอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างอิสระโดยผู้ใช้แทน ดังนั้น ผู้ใช้จึงสามารถควบคุมข้อมูลและตัวตนในรูปแบบดิจิทัลได้มากกว่าเดิม ซึ่งรวมไปถึงการทำธุรกรรมและการโต้ตอบที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน

ดังที่ Gavin Wood ได้กล่าวไว้ในการให้สัมภาษณ์ว่า “Web3 มีประสิทธิภาพเหนือชั้นกว่าหลายๆ สิ่ง โดยจะให้บริการแพลตฟอร์มที่ประกอบไปด้วยโปรโตคอล รูปแบบ และเทคโนโลยีที่หลากหลาย ซึ่งคุณสามารถเลือกใช้เพื่อสร้างบริการหรือแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ตามที่คุณต้องการได้ โดยไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่แค่ในแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่ง”

ศักยภาพและข้อดีของ Web3

ในทางเทคนิคแล้ว Web3 มีข้อดีหลักๆ หลายประการ ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยแก้ไขปัญหาของอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่ในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังช่วยเร่งให้เกิดการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนไปใช้งานอีกด้วย

1. การไม่ต้องอาศัยความไว้วางใจ (Trustlessness): การไม่ต้องอาศัยความไว้วางใจเป็นคุณลักษณะสำคัญของ Web3 กล่าวคือ Web3 สามารถดำเนินการธุรกรรมและการโต้ตอบในลักษณะที่ไม่ต้องอาศัยความไว้วางใจ (Trustless) ได้ หมายความว่าผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องอาศัยตัวกลางหรือสถาบันบุคคลที่สามใดๆ ในการดำเนินการดังกล่าว ทั้งนี้ ข้อมูลและข้อมูลระบุตัวตนทั้งหมดจะอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ใช้อย่างสมบูรณ์ ถือเป็นการส่งเสริมสภาพแวดล้อมออนไลน์ที่เสมอภาคและมีความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น

2. ไม่มีความล้มเหลวจากจุดเดียว (Single Point of Failure): ในสถาปัตยกรรมอินเทอร์เน็ตแบบดั้งเดิมที่ข้อมูลและแอปพลิเคชันจัดเก็บไว้ในส่วนกลางบนเซิร์ฟเวอร์แบบรวมศูนย์ ความล้มเหลวใดๆ ของเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้อาจนำไปสู่การล่มของระบบ ส่งผลให้เกิดการสูญเสียที่ไม่อาจคาดเดาได้ตามมา ในทางตรงกันข้าม Web3 ได้ลดการพึ่งพาตัวกลางเหล่านั้นออกไป ส่วนข้อมูลและแอปพลิเคชันต่างๆ ก็จะไม่ได้รับการจัดเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ส่วนกลางอีก แต่จะมีการกระจายและประมวลผลผ่านเครือข่ายแบบกระจายศูนย์แทน กล่าวได้ว่า วิธีการจัดเก็บข้อมูลและประมวลผลแบบกระจายศูนย์นี้สามารถป้องกันปัญหาความล้มเหลวจากจุดเดียว (Single Point of Failure) ได้ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าหากเกิดเหตุการณ์ที่ Node ใด Node หนึ่งล้มเหลว ระบบทั้งหมดก็ยังคงสามารถทำงานได้อย่างราบรื่นต่อไป

3. ความสามารถในการทำงานร่วมกัน: “ปัญหา Walled Garden” ได้ขัดขวางการพัฒนาอันรวดเร็วของเทคโนโลยีบล็อกเชน แต่ Web3 ที่ทำให้เกิดความสามารถในการทำงานร่วมกันระหว่างบล็อกเชนที่แตกต่างกันได้นี้ จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานแอปพลิเคชันและบริการบล็อกเชนต่างๆ ได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น สิ่งนี้เองที่จะช่วยขับเคลื่อนอย่างจริงจังให้เกิดการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนไปใช้งานอย่างกว้างขวางต่อไป

โอกาสใหม่ในการใช้งาน Web3

ปัจจุบัน Web3 ยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยมีองค์ประกอบโครงสร้างพื้นฐานหลายประการอยู่ในระหว่างการพัฒนาหรือก่อตั้งขึ้น กล่าวได้ว่าการเดินทางครั้งนี้ยังอีกยาวไกลเพื่อที่จะไปถึงโลกแห่ง Web3 ที่เราจินตนาการไว้ อย่างไรก็ตาม พบว่ามีโปรเจกต์อนาคตไกลเกิดขึ้นมากมายในบางเซกเตอร์ เช่น Decentralized Finance, Metaverse, GameFi และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองกำลังทำหน้าที่เร่งให้เกิดการมาถึงของยุคแห่ง Web3

DeFi เป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดสำหรับ Web3 กล่าวคือ DeFi เป็นระบบการเงินล้ำสมัยที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อขจัดสถาบันแบบรวมศูนย์และตัวกลางในระบบการเงินแบบดั้งเดิมออกไป ดังนั้นจึงทำให้เกิดบริการทางการเงินที่มีความยุติธรรม โปร่งใส และเปิดกว้างมากขึ้นได้นั่นเอง ทั้งนี้ DeFi ที่ประสบความสำเร็จก็มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย ซึ่งรวมถึง Uniswap, Curve, 1inch และอื่นๆ

Metaverse เป็นกรณีการใช้งานที่สำคัญสำหรับ Web3 ซึ่ง Metaverse นี้เป็นโลกเสมือนที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการโดย Smart Contract ทำให้เกิดการโต้ตอบกับโลกจริงได้ และอำนวยความสะดวกในการเทรดและการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลได้เช่นเดียวกัน Metaverse จะนำประสบการณ์เสมือนรูปแบบใหม่ๆ มาสู่ผู้ใช้ เช่น เกม VR, นิทรรศการศิลปะแบเสมือน และร้านค้าในโลกเสมือน เป็นต้น ตัวอย่างโปรเจกต์ Metaverse ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ ได้แก่ The Sandbox, Decentraland และอื่นๆ อีกมากมาย

GameFi เป็นแนวทางการนำไปใช้งานที่ถือกำเนิดขึ้นใหม่สำหรับ Web3 ทั้งนี้ เทคโนโลยีบล็อกเชนช่วยให้เกิดความเป็นเจ้าของ การเทรด และการจัดการสินทรัพย์ในเกมได้อย่างแท้จริง ทำให้ผู้เล่นรับผลตอบแทนในขณะที่เล่นเกมได้เลย กล่าวคือ สิ่งนี้ได้นำโมเดลธุรกิจใหม่และโอกาสในการพัฒนามาสู่อุตสาหกรรมเกมแบบดั้งเดิมเลยก็ว่าได้ โดยตัวอย่างโปรเจกต์ที่โดดเด่น ได้แก่ Axie Infinity, Enjin Coin และอื่นๆ

SocialFi เป็นแนวทางการนำไปใช้งานที่มีศักยภาพสำหรับ Web3 ด้วยการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อให้เกิดการกระจายศูนย์ ความปลอดภัย และการปกป้องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลโซเชียลเน็ตเวิร์กนี้เอง ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ทางโซเชียลที่มีความอิสระ ปลอดภัย และโปร่งใสมากขึ้น นอกจากนี้ SocialFi ยังสามารถนำโมเดลธุรกิจที่มีความยุติธรรมและโปร่งใสมากกว่าเดิมมาสู่แพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์กได้อีกด้วย ซึ่งจะทำให้เกิดระบบนิเวศโซเชียลเน็ตเวิร์กที่มีคุณภาพยิ่งขึ้นได้

สำหรับ AI ก็นำไปใช้งานร่วมกับ Web3 ด้วยเช่นเดียวกัน โดยตัวอย่าง คือ การใช้งานผ่าน Machine Learning และ Data Mining เพื่อให้ได้ข้อมูลตัวตนและพฤติกรรมของผู้ใช้ (User Persona) และบริการให้คำแนะนำที่ถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน ลักษณะการกระจายศูนย์ของ Web3 ก็สามารถให้แหล่งข้อมูลที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้มากขึ้นสำหรับเทคโนโลยี AI ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า AI และ Web3 สามารถส่งเสริมและพัฒนาซึ่งกันและกันได้นั่นเอง

สรุปปิดท้าย

การพัฒนาและวิวัฒนาการของอินเทอร์เน็ตมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับชีวิตประจำวันของเรา โดยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายต่างๆ ควบคู่ไปกับโอกาสใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น “Web3” ในฐานะอินเทอร์เน็ตยุคถัดไป แม้ว่าจะยังมีอนาคตที่ไม่ชัดเจนนัก แต่ข้อดีที่เป็นเอกลักษณ์ของเทคโนโลยีนี้ก็ทำให้เราเชื่อได้ว่า Web3 จะกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้งานอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวยังมีส่วนช่วยในการสร้างโลกอินเทอร์เน็ตที่ชาญฉลาด เสรี เปิดกว้าง และเท่าเทียมกันมากขึ้นสำหรับพวกเราทุกคนอีกด้วย

หากยังไม่ได้เป็น Bitgetter สมัครเพื่อเริ่มต้นการเดินทางสู่โลกคริปโตได้เลย!

แชร์
link_icon
หากยังไม่ได้เป็น Bitgetterของขวัญต้อนรับมูลค่า 6,200 USDT สำหรับ Bitgetter หน้าใหม่!
สมัครเลย
ทุกเหรียญโปรดของคุณ เรามีให้ครบครัน!
ซื้อ ถือ และขายคริปโทเคอร์เรนซียอดนิยม เช่น BTC, ETH, SOL, DOGE, SHIB, PEPE และอีกเพียบ ลงทะเบียนและเทรดเพื่อรับเซ็ตของขวัญสำหรับผู้ใช้ใหม่มูลค่า 6,200 USDT!
เทรดเลย