IOTA (IOTA) คืออะไร

IOTA คืออะไร

IOTA เป็น Distributed Ledger ที่ก่อตั้งในปี 2015 ซึ่งไม่ต้องพึ่งพาบล็อกเชนในการรักษาความปลอดภัยและการตรวจสอบธุรกรรม โดย IOTA ใช้ระบบที่เป็นเอกลักษณ์ เรียกว่า Tangle ซึ่งใช้ระบบ Directed Acyclic Graph (DAG) อันเป็นสิ่งที่ทำให้โปรเจกต์ดังกล่าวมีความโดดเด่นกว่าระบบที่มีพื้นฐานบนบล็อกเชนโดยทั่วไป ทั้งนี้ วัตถุประสงค์หลักของ Tangle คือการให้บริการธุรกรรมที่เร็วขึ้น และความสามารถในการขยายการรองรับที่ดีขึ้น ซึ่งทำให้เหมาะสมอย่างยิ่งโดยเฉพาะสำหรับระบบนิเวศ Internet of Things (IoT) ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

IOTA มีแนวทางที่แตกต่างออกมาจากเทคโนโลยีบล็อกเชนส่วนใหญ่ที่มักมีปัญหาเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมธุรกรรมและความสามารถในการขยายการรองรับเนื่องจากการมีนักขุดเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเนื่องจากระบบดังกล่าวดำเนินการโดยไม่ใช่นักขุด จึงไม่ต้องมีค่าธรรมเนียมธุรกรรมเลยตั้งแต่ต้น ซึ่งคุณลักษณะนี้เป็นข้อดีเป็นพิเศษในสถานการณ์ที่มีการทำ Micropayment โดยมีปริมาณธุรกรรมมาก เช่นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับการใช้งาน IoT นั่นเอง

อนึ่ง เป้าหมายโดยรวมของ IOTA คือการตั้งตนเป็นแพลตฟอร์มมาตรฐานสำหรับธุรกรรม IoT โดยจากการคาดการณ์ซึ่งชี้ว่าภายในปี 2024 อาจมีอุปกรณ์ IoT ถึง 2.4 หมื่นล้านเครื่องแล้วนั้น ตลาดสำหรับ IOTA อาจจัดได้ว่าเป็นตลาดขนาดยักษ์ทีเดียว

แหล่งข้อมูล

เอกสารทางการ: https://wiki.iota.org/

เว็บไซต์ทางการ: https ://www.iota.org/

IOTA ทำงานอย่างไร

สถาปัตยกรรม Tangle ของ IOTA นั้นโดยหลักแล้วต่างจาก Chain ของบล็อกที่เรียงกันเป็นเส้นตรง ซึ่งใช้งานกันในบล็อกเชนดั้งเดิม โดยใน Tangle แต่ละธุรกรรมจะเป็นการยืนยันธุรกรรมก่อนหน้า 2 รายการด้วยกัน ซึ่งหมายความว่าเมื่อคุณทำธุรกรรมรายการหนึ่ง ระบบจะแบ่งกำลังการประมวลผลเล็กน้อยเพื่อไปตรวจสอบธุรกรรม 2 รายการก่อนหน้า ทำให้ระบบสามารถสร้างเครือข่ายที่กำกับดูแลตนเองและขยายการรองรับได้นั่นเอง

เพื่อประกันความปลอดภัยของเครือข่ายโดยไม่ต้องอาศัยกลไกฉันทามติอย่าง Proof of Work (PoW) IOTA ใช้การทำ PoW อย่างง่ายระหว่างกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรม โดยแม้ว่าจะไม่ใช่กลไกฉันทามติในแบบที่คุ้นเคยกัน แต่ก็เป็นการเพิ่มชั้นความปลอดภัยเพิ่มเติมขึ้นอีกชั้นหนึ่งให้เครือข่ายได้เช่นกัน

โทเค็น IOTA (MIOTA) คืออะไร

คริปโทเคอร์เรนซีดั้งเดิมของแพลตฟอร์ม IOTA รู้จักกันในชื่อ MIOTA โดยแม้ว่าชื่อจะต่างกัน แต่ MIOTA นั้นไม่ได้เป็นองค์กรแยกต่างหากแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงสกุลเงินที่ใช้ในการเทรดและการใช้งานเครือข่าย IOTA เท่านั้น ทั้งนี้ MIOTA มีความแตกต่างจากคริปโทเคอร์เรนซีที่ทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นหลัก เนื่องจากมุ่งจะอำนวยความสะดวกให้การดำเนินการธุรกรรมรายเล็ก (Microtransaction) ได้แบบเรียลไทม์ โดยไม่มีค่าธรรมเนียม โดยเฉพาะที่ดำเนินการกันระหว่างอุปกรณ์ IoT ด้วย

ปัจจัยใดที่ส่งผลต่อราคาโทเค็น IOTA (MIOTA) มีอะไรบ้าง

ปัจจัยที่อาจมีอิทธิพลต่อราคาของโทเค็น IOTA (MIOTA) ได้มีหลายปัจจัยด้วยกัน ปัจจัยแรกที่สำคัญที่สุดได้แก่ อัตราการใช้งานของเครือข่าย IOTA โดยเฉพาะภายในอุตสาหกรรม IoT เอง โดยการใช้งานที่มากขึ้นก็ย่อมดันให้อุปสงค์ของโทเค็น MIOTA มีมากขึ้นด้วย ทั้งนี้ ปัจจัยอื่นๆ ก็ เช่น ความเชื่อมั่นในตลาดคริปโทเคอร์เรนซีโดยรวม, ความคืบหน้าหรืออุปสรรคทางเทคโนโลยีในเครือข่าย IOTA และการร่วมมือเป็นพาร์ทเนอร์เชิงกลยุทธ์ เช่น ความสัมพันธ์ที่มีอยู่ในตอนนี้กับ Volkswagen และเมืองไทเป เป็นต้น นอกจากนี้ จุดอ่อนหรือความกังวลด้านความปลอดภัยใดๆ ก็อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และเป็นผลต่อราคาโทเค็นได้เช่นกัน

ผลกระทบของ IOTA ต่อวงการการเงิน

เป้าหมายของ IOTA ไม่ได้หยุดที่อุปกรณ์ IoT เท่านั้น แต่รวมถึงการใช้งานต่างๆ ในด้านการเงินและด้านที่ไม่ใช่การเงินด้วย โดยโครงสร้างที่ไม่มีค่าธรรมเนียมและสามารถขยายการรองรับได้ของแพลตฟอร์มดังกล่าวนั้นเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดใจสำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศ, Micropayment และแม้แต่งานเช่นการยืนยันความเป็นของแท้ (Authenticity) ของผลิตภัณฑ์ในห่วงโซ่อุปทาน ทั้งนี้ ด้วยการร่วมมือเป็นพาร์ทเนอร์กับอุตสาหกรรมยานยนต์และโปรเจกต์เมืองอัจฉริยะ IOTA นั้นกำลังวางตัวเองเป็นโซลูชันที่ยืดหยุ่นซึ่งสามารถก้าวไปปฏิวัติวงการได้ในหลายเซกเตอร์ทีเดียว

ทีมงานดังกล่าวคาดการณ์กรณีการใช้งานแพลตฟอร์มไว้ตั้งแต่สำหรับการดำเนินการประกันภัยรถยนต์ที่อ้างอิงจากการใช้งาน ไปจนถึงการสร้างระบบการค้าระดับโลกที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และแม้แต่การพัฒนาเมืองอัจฉริยะด้วย ในฐานะมูลนิธิที่ไม่แสวงหาผลกำไร IOTA มุ่งจะทำให้เครือข่ายมีความสมบูรณ์แบบมากขึ้นมากกว่าที่จะทำกำไร ซึ่งอาจทำให้แพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นสิ่งที่มีผลกระทบอย่างมากต่อระบบการเงินและการที่เรามีปฏิสัมพันธ์กับเทคโนโลยีในทุกๆ วันก็ได้

บทสรุป

IOTA มีความโดดเด่นออกมาจากเทคโนโลยีบล็อกเชนแบบดั้งเดิมเจ้าต่างๆ ด้วยสถาปัตยกรรม Tangle ของตนที่จัดว่าเป็นนวัตกรรม โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวออกแบบมาเพื่อเป็นกระดูกสันหลังของอินเทอร์เน็ตในรุ่นต่อไป โดยเฉพาะสำหรับวงการ Internet of Things ทั้งนี้ IOTA สัญญาว่าจะสร้างกรณีการใช้งานที่ทำได้และยืดหยุ่น อีกทั้งมีการจับมือเป็นพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่งกับผู้เล่นอื่นๆ ซึ่งอาจทำให้แพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นแรงที่จะมาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่ทั้งวงการเทคโนโลยีและการเงินได้เลยทีเดียว